พีร์ พงศ์พิพัฒนพันธุ์
ขอเดาว่า การที่พรรคการเมืองของไทย เช่น กรณีพรรคเพื่อไทย ถูกกล่าวหาว่าถูกครอบงำจากทักกี้ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งขณะนี้ลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศนั้น อาจเป็นเพราะทักกี้มีส่วนในการก่อตั้งพรรคเพื่อไทย กล่าวคือมีสายสัมพันธ์ที่ยาวนานกับพรรคเพื่อไทย อดีตสส.หรือลูกพรรคของพรรคเพื่อไทยเดินทางไปหาทักกี้ในต่างประเทศเทศก็หลายครั้ง แต่กระนั้นเนื้อหาของการครอบงำพรรคเพื่อไทยก็ยังกลายเป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันมิรู้จบจนกระทั่งถึงตอนนี้ ทางพรรคเพื่อไทยเองก็ออกมาตอบโต้เป็นพัลวัน เพราะกลัวเป็นเหตุให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดปัจจุบันที่ถูก dominate โดยคสช. นำไปเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคเพื่อไทย โอ้…..
ในทางการเมืองสากลหรือในบรรดาประเทศประชาธิปไตยทั้งหลายในโลก ใครจะมาครอบงำพรรคการเมืองหรือไม่มิใช่เรื่องที่ฝ่ายใดพึงใส่ใจ เพราะในระบอบประชาธิปไตยพรรคการเมืองเป็น เป็นของประชาชน ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชนว่าจะเลือกพรรคใดหนึ่งพรรคหนึ่งขึ้นมาบริหารประเทศหรือไม่ โดยไม่เกี่ยวกับว่า พรรคการเมืองถูกครอบงำหรือไม่
ในสหรัฐอเมริกาอาจมีกฎหมายเกี่ยวข้องกับเงินบริจาคหรือเงินสนับสนุนพรรคอยู่บ้างเท่านั้นเอง แต่ที่จะให้งัดง้างประเด็นการครอบงำพรรคขึ้นมาให้เห็นนั้น ยังมองหาเห็นไม่
ในประเทศไทยนั้น หากมิใช่ทักกี้ ทักษิณ ชินวัตร ชื่อที่เป็นที่รังเกียจชิงชัง ขวัญผวา ของผู้มีอำนาจทางการเมืองที่ปกครองประเทศอยู่ในยามนี้ ก็ใช่ว่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด สรุปแล้วจึงเป็นปัญหาเชิงบุคคลมากกว่าปัญหาหลักการโดยแท้ อีกนัยหนึ่งมันคือปัญหาที่เกิดจากมายาคตินั่นเอง
ในทางหลักการพรรคการเมืองเป็นองค์กรตัวแทนประชาชน ใครจะมาครอบงำหรือไม่ ประชาชนนั้นแหละจะเป็นผู้ให้คำตอบหรือชี้ขาด ชี้ขาดจากไหน ก็ชี้ขาดจากการเลือกตั้ง เพราะประชาชนเป็นอำนาจดิบพื้นฐานของการตัดสินใจบรรดามี การจะอ้างว่าพรรคใดหรือใครครอบงำพรรคโน่นนี่ จึงไม่เกิดขึ้นเพราะเป็นเรื่องไร้สาระ เป็นเรื่องมโนสาเร่ในสังคมที่ประชาธิปไตยไม่สมบูรณ์แลเว้าแหว่งเช่นไทยแลนด์
และว่าไปแล้วความหมายของการครอบงำพรรค จะชัดเจนก็หาไม่ ว่าการครอบงำนั้นใช้วิธีการอย่างไรบ้าง เช่น การให้เงินสนับสนุนพรรค การเป็นผู้วางนโยบายหรือกำหนดยุทธศาสตร์พรรค การให้คำปรึกษาแก่พรรค เป็นต้น ล้วนตีความได้เกินฟากฟ้ามหาสมุทร การณ์ดังกล่าวก็ถูกฝ่ายอำนาจนิยม จารีตนิยม ที่เป็นชนกลุ่มน้อยในสังคมไทยฉกฉวยไปใช้ลดทอนคุณค่าของอำนาจของประชาชน คือ เข้าไปชี้นำผูกขาดอำนาจเสียเองอยู่มากดังเห็นๆ
หรือที่แท้คนกลุ่มน้อยเหล่านี้ ก็เข้าไปครอบงำจัดการพรรคการเมืองเสียเองมากกว่าที่จะให้พรรคการเมืองเป็นตัวของพวกเขาเอง และให้ประชาชนชี้ขาดในที่สุด เป็นการสกัดการเคลื่อนไหวของพรรคการเมือง บอนไซพรรคการเมือง ที่มีนัยแห่งการลดทอนการเติบโตก้าวหน้าของพรรคการเมืองที่เลวร้ายที่สุดในยุค 4.0
ถ้าเทียบกับมาตรฐานสากลนานาอารยะประเทศที่เขารุ่งเรืองประชาธิปไตย การยกข้ออ้าง พรรคการเมืองถูกบุคคลที่เป็นที่รู้จักกันดี ครอบงำแบบไทยๆ จึงน่าสมเพทเวทนา และไร้สาระอย่างยิ่งด้วยประการนี้
ทั้งน่าสนใจด้วยว่า การวิจารณ์ การชี้แนะเรื่องต่างๆ ของสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ต่อพรรคการเมือง จะถือเป็นการครอบงำพรรคการเมืองด้วยหรือไม่?
ถ้าเป็นดังนี้ก็ตัวใครตัวมันแล้วล่ะครับ!!! 55555