
พีร์ พงศ์พิพัฒนพันธุ์ Line ID : pete1120
สภาวะนิพพาน เป็นอย่างไร เป้าหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนาสภาวะนี้ จะอธิบายได้อย่างไรให้คนรุ่นปัจจุบันแบบผมแบบท่านได้เข้าใจได้โดยง่าย บางทีอาจต้องอาศัยงานศิลปะเชิงเปรียบเทียบหรืออุปมาอุปมัยมาอธิบาย จนกระทั่งผมมีโอกาสได้คุยกับ นายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ธนิตย์ จิตตนุกูล (ปื๊ด บางระจัน)

แน่นอนว่ามันอาจไม่ใช่แนวที่ผมพยายามอธิบายกับผู้กำกับธนิตย์ก็เป็นไปได้ นิพพานเป็นจริงได้ แต่ก็อาจไม่ใช่แบบเดียวกับจินตนาการของผมก็ได้ ในยุคร่วมสมัยพุทธทาส คือผู้ที่แสดงให้เห็นแล้วว่า พยายามนำเอานิพพานมาอธิบายให้เป็นประดุจสภาวะธรรมดา จากแต่เดิมที่พวกเราชาวพุทธมักคิดหรือมักจินตนาการเอาว่า มันเป็นสภาวะสูงส่งยิ่งที่มนุษย์ธรรมดาอย่างเราๆ ท่านๆ ไม่สามารถเอื้อมถึง ภพ (being) ยังคงไหลต่อไปอีกนานหลายแสนกัป อสงขัย นานและนานมาก
ขอย้ำว่าสิ่งที่ผมจินตนาการนี้อาจผิด แต่ก็แน่ล่ะ ในแง่ของการสร้างภาพยนตร์ (หนัง) มันอาจเกิดขึ้นหรือเป็นไปได้
ลองจินตนาการดูว่า ถ้ามนุษย์เราเกิดมีญาณสำเหนียกรู้ขึ้นว่าตัวเราเองกำลังฝันอยู่กันทุกคน เหตุการณ์หรือปรากฏการณ์ที่เห็นทั้งหมดบนโลกนี้ไม่ใช่เรื่องจริง แต่เป็นมายาภาพที่เกิดจากความฝันทั้งสิ้น
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าสำนึกของมนุษย์บางคนบางกลุ่มเป็นแบบนี้ เขาก็คงมองโลกต่างจากคนอื่นทั่วไป เพราะทุกอย่าง ล้วนไม่ใช่ของจริง ในโลกของความเป็นจริงอาจเป็นไปได้ยากที่มนุษย์จะเกิดสำนึกแบบ “ไม่ธรรมดา”นี้
ดังนั้นแล้วในโลกของภาพยนตร์/หนังจึงมีโอกาสเกิดขึ้นได้ หรือก็คือ unusual being นั่นเอง และคำถามต่อไปก็คือ ถ้ามนุษย์เห็นโลกด้วยสายตาแบบนี้จะเกิดอะไรขึ้น มนุษย์จะมีพฤกติกรรมอย่างไร เช่น อาจรัก อาจเมตตากันมากขึ้น อาจไม่มีสงคราม อาจเลิกยึดติดยึดถือในอัตภาพที่เป็นอยู่ ฯลฯ
แน่ล่ะมันคือยูโทเปียแบบพุทธ อาจมีอยู่แค่ในจิตนาการ มนุษย์อย่างเราๆ ท่านๆ สามารถจินตนาการให้เห็นภาพได้ หากมันคือ จินตนาการของเป้าหมายสูงสุดสุดของพระพุทธศาสนาในเวลาเดียวกัน
ในเมื่อโลกแห่งความจริงที่ประสบอยู่ในปัจจุบัน ชะตากรรมของมนุษย์เรานั้น แสนขมขื่น แสนปวดร้าว แสนเวทนายิ่งนัก
จึงมีแต่ฝันเท่านั้น ที่เป็นจริง ….!!!!