พีร์ พงศ์พิพัฒนพันธุ์

ขณะที่ปี่กลองการเมืองท้องถิ่นคึกคักทั่วประเทศ แม้ว่าน่านจะเป็นจังหวัดเล็กๆ ทางภาคเหนือ (ล้านนาตะวันออก)ก็ตาม แต่น่านก็ไม่ต่างจากจังหวัดอื่นๆ ที่ซึ่งสมรภูมิการเมืองกลับกำลังเดือดปุดๆ เช่นเดียวกัน ในปีนี้มีแคนดิเดท นายกอบจ.น่านถึง 5 คนด้วยกัน หนึ่งในนั้น คือ “นายธนโชติ ยั่งชยุตพงศ์” ผู้สมัครอิสระการเมืองท้องถิ่นของ จ.น่าน แนวคิดของธนโชติถ้าเทียบกับแคนดิเดทคนอื่นๆ ของจังหวัดน่าน จัดว่าเขาอยู่ในกลุ่มการเมืองก้าวหน้าและมาแบบ “ลุยเดี่ยว”ซึ่งก็ได้สร้างความประหลาดไม่น้อยในบรรดาคู่แข่งทางการเมืองของเขา รวมถึงประชาชนชาวจังหวัดน่านที่รอลุ้นผลการเลือกตั้งกันอยู่ในเวลานี้

ธนโชติ ยั่งชยุตพงศ์

ปูมหลังของธนโชตินั้น เขาเป็นชาติพันธุ์ (ไทยม้ง) เป็นลูกแม่น่านตัวจริงและดั้งเดิม เป็นอดีตอาจารย์วิทยาลัยเทคนิคน่าน การเป็นชาติพันธุ์หรือชนกลุ่มน้อยนี้เอง ได้หล่อหลอมอุดมการณ์และแนวคิดทางการเมืองอันเป็นแบบฉบับของเขาเองขึ้นมา จนเป็นนักคิดการเมืองฝ่ายก้าวหน้า แรกเริ่มเดิมทีเขาศรัทธาและเข้าร่วมกับพรรคอนาคตใหม่ตามแบบอย่างธนาธร/ปิยบุตร ความเป็นอัตลักษณ์ในแบบฉบับของตัวเองทำให้เขาต้องออกมาก้าวเดินด้วยตัวเองในภายหลัง เมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบและแปรสภาพเป็นพรรคก้าวไกลในเวลาต่อมา

หากใครไม่เคยสัมผัสธนโชติลึกๆ มาก่อน ย่อมคิดว่าเขาเป็นแค่ผู้ชายตัวเล็กๆ ธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น แต่หากใครสัมผัสธนโชติลึกๆ แล้ว คงบอกได้ดีว่าเขามีพลังงานแฝงและความกล้า ที่จะทำงานการเมืองได้มากขนาดไหน  ผมไม่ทราบว่าเขาเอาพลังงานนี้มากจากไหน พลังที่เกิดจากประสบการณ์ การเรียนรู้ จากการใช้ชีวิตจริง ได้บ่มเพาะ ให้ธนโชติ เป็นตัวของตัวเองโดยไม่คร้ามคู่แข่ง

เขากล้าแสดงออกจนบางครั้งเพื่อนๆ ในกลุ่มของเขาเองต่างพากันกังวลว่า การแสดงออกทางการเมืองของเขาแบบตรงไปตรงมา อาจทำให้เขาเสียคะแนนจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวน่านบางส่วนซึ่งยังก้าวไปไม่ถึงการเมืองเชิงก้าวหน้า อย่างน้อยการเมืองเมืองไทย แม้พรรคการเมืองฝั่งตรงข้ามของรัฐบาลจะบอกว่าพวกเขาก้าวหน้า ทว่าลึกๆ แล้วพรรคการเมืองเหล่านี้ก็ยังมีรากจารีตเป็นตัวหล่อเลี้ยงให้วิถีการเมืองดำเนินไปได้

แต่ธนโชติ….ไม่ !!!

มีหลักฐานเชิงประจักษ์หลายประการที่จะบอกว่า ธนโชติ เป็นพวกหัวก้าวหน้าและเป็นตัวของตัวเองสูงมากเพียงใด แม้สิ่งในเชิงวิธีการที่เป็นรูปธรรมในการพัฒนาเมืองน่าน เช่น โครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เขาอาจเลือกที่จะพูดน้อย แต่ในทางทฤษฎีการเมืองแล้วธนโชตินับว่าแน่นปึ๊ก เขาเป็นนักคิดทางการเมืองเหนือกว่าอื่นใด นัยนี้ผมว่า ในระบบการเมืองท้องถิ่นย่อมหาคนที่มีแนวคิดก้าวหน้าทางการเมืองแบบไม่มีการประนีประนอมกับกลุ่มผลประโยชน์ท้องถิ่นได้ยาก ยิ่งในจังหวัดภูธรด้วยแล้ว

มากไปกว่านั้น ธนโชติไม่ยอมประนีประนอมกับกลุ่มอำมาตย์ท้องถิ่นหรือข้าราชการที่ตั้งตนเป็นผู้มีอิทธิพล ซึ่งครอบงำครอบครองเมืองน่าน ในรูปแบบ “ช้างเหยียบนาพระยาเหยียบเมือง”มานาน ซึ่งก็ส่งผลให้เขาได้รับผลกระทบในการได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มอำมาตย์และอำมาตย์นิยมในท้องถิ่นน่าน ทว่าสำหรับธนโชติ เขากลับมองเลยไปถึงความเสมอภาคความเท่าเทียม ที่ราษฎรน่านตาดำๆ ถูกกดทับจากบรรดาช้างเหยียบนาพระยาเหยียบเมืองเหล่านี้มานาน โดยเขามุ่งเน้นไปที่หลักการประชาธิปไตยมากกว่านโยบายการพัฒนาเชิงโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน (Infra-structures) เหมือนที่บรรดาอาเสี่ยนักการเมืองท้องถิ่นภูธรไทยมุ่งเน้นกัน ทั้งๆ ที่เขาโตมาทางมาสายวิศวกรรมศาสตร์ด้วยซ้ำ

วิสัยทัศน์ของธนโชติย่อมมองไกลไปถึงประเด็นการศึกษา เขาเห็นปัญหาที่ประชาชนฝ่ายก้าวหน้าในเมืองไทยมองเห็น คือ การตั้งเป้าการจัดการศึกษาแบบนักเรียนเป็นศูนย์กลาง (student center) อันนี้เป็นสิ่งที่ผมเห็นว่าการนำเสนอนโยบายท้องถิ่นทำนองนี้ แทบไม่มีเลย ในบรรดานักการเมืองท้องถิ่นของไทยโดยทั่วไป อย่างดีพวกเขาก็ดำเนินกโลบายทางการเมืองได้แค่ “เสี่ยผู้รับเหมา” เท่านั้นเอง

ผมไม่แน่ใจว่า ตราบเท่าที่เมืองไทยยังไม่มีระบบจังหวัดจัดการตนเอง อำนาจยังถูกรวมไว้ที่ส่วนกลางคือกรุงเทพ ความคิดของธนโชติ จะถูกนำมาใช้ในการบริหารท้องถิ่นได้ตามฝันหรือไม่ ตราบเท่าที่การเมืองไทยยังล้าหลังท่ามกลางการต่อสู้ของม๊อบเยาวชนฯ ในกรุงเทพ เพื่อให้อำนาจตกเป็นของประชาชนไทยส่วนใหญ่อย่างแท้จริง

อย่างไรเสีย ผมไม่เชื่อว่าความคิดก้าวหน้าทางการเมืองของธนโชติที่ตกผลึกแล้วนี้ จะสูญเปล่า อย่างน้อยการพูดจาปราศรัยของเขาในท้องถิ่นน่านช่วงหาเสียงก็ก่อให้เกิดการวิพากษ์ถกเถียงกันในบรรดานักการเมืองและประชาชนผู้มีส่วนได้เสียมากขึ้น ชาวบ้านและนักการเมืองเหลานั้นจะเห็นด้วยไม่เห็นด้วยไม่ใช่อุปสรรค

อุปสรรคคือ พวกข้าเก่าเต่าเลี้ยงในจังหวัดน่านที่ยืนอยู่ฟากอำนาจนิยมตะหาก ที่จะคอยกระทำการเชิงอคติ เป็นก้างขวางคอระบอบประชาธิปไตยภูธร ทั้งที่คนเมืองน่านย่อมส่งสายตามองไปได้ไกลมากกว่าพวกช้างเหยียบนาพระยาเหยียบเมืองเหล่านี้ ซึ่งก็มาประจำอยู่แค่ชั่วคราวเท่านั้น

ในสายตาของธนโชติเองไม่เพียง แต่แค่การปฏิเสธอำนาจรวมศูนย์ หากเขายังจะยืนเคียงข้างชาวบ้านเมืองน่าน ทั้งชาติพันธุ์และชาวบ้านทั่วไป มากกว่าที่จะปล่อยให้รัฐราชการเหล่านี้ กดทับ เหยียบหัวชาวบ้านดังที่ผ่านๆ ชนิดที่มิใคร่มีนักการเมืองท้องถิ่นหรือผู้มีอำนาจใส่ใจอะไรมากไปกว่างานรับเหมาก่อสร้าง ไยจะพูดเรื่องการศึกษา เรื่องความยุติธรรมในสังคม

นี่เป็นเรื่องแปลกของเมืองน่านที่ผมเห็นว่า มันเกิดแล้วโดยผู้สมัครนายกอบจ.น่าน ที่ชื่อ ธนโชติ ยั่งชยุตพงศ์ … 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *